พลังของ LLM จาก Google – จาก Transformer สู่ Gemini AI อัจฉริยะหลายโหมด
พลังของ LLM จาก Google – จาก Transformer สู่ Gemini AI อัจฉริยะหลายโหมด
มารู้จัก LLM จาก Google กัน

พลังของ LLM จาก Google – จาก Transformer สู่ Gemini AI อัจฉริยะหลายโหมด


🔹 จุดเริ่มต้นและความเป็นมา

Google เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการ AI โดยเฉพาะด้าน Natural Language Processing (NLP) ตั้งแต่ช่วงปี 2017 ที่ทีม Google Brain ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมชื่อดังที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล:

"Transformer: Attention is All You Need"

เทคโนโลยี Transformer กลายเป็นรากฐานของ LLM ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น GPT ของ OpenAI หรือ Claude ของ Anthropic

Google เริ่มพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของตัวเองตั้งแต่:

  • BERT (2018) – ปูทางการเข้าใจภาษา

  • T5, PaLM, และ PaLM 2 – โมเดลขนาดใหญ่ที่ใช้ในการตอบคำถาม สรุปเนื้อหา และแปลภาษา

  • Gemini (2023 - ปัจจุบัน) – โมเดลใหม่ที่รองรับ “Multimodal” หรือ AI ที่เข้าใจได้ทั้งข้อความ รูปภาพ โค้ด และเสียง


🔹 หลักการทำงานของ LLM จาก Google

โมเดล LLM ของ Google สร้างบนเทคโนโลยี Transformer แบบล้ำสมัย และได้รับการฝึกฝนบนคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดของ Google Cloud (TPU, GCP AI infrastructure)

การทำงานของโมเดลมุ่งเน้น:

  • การเข้าใจบริบทแบบลึก (deep contextual understanding)

  • ประมวลผลหลายรูปแบบ (text, image, code, audio)

  • ทำงานร่วมกับบริการ Google Ecosystem ได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น Search, Docs, Gmail, YouTube


🔹 โมเดล LLM ที่ใช้งาน

Google ให้บริการ LLM หลายระดับทั้งเชิงพัฒนาและเชิงธุรกิจ:

โมเดล ความสามารถหลัก จุดเด่น
BERT เข้าใจภาษาในระดับประโยค ใช้ใน Google Search
T5 สรุป/แปล/สร้างเนื้อหา Flexible task
PaLM 2 โมเดลขนาดใหญ่หลากภาษา ใช้ใน Bard (รุ่นก่อน Gemini)
Gemini 1 / 1.5 Multimodal, สร้างโค้ด, จดจำเอกสารยาว ความจำดี, เข้าใจภาพ, รองรับวิดีโอ

🔹 โมเดลที่ Google พัฒนาขึ้นเอง: Gemini

Gemini คือโมเดลเรือธงรุ่นล่าสุดที่ Google DeepMind พัฒนาขึ้นหลังจากควบรวมทีม Google Brain + DeepMind เข้าด้วยกัน

Gemini โดดเด่นเรื่อง:

  • รองรับข้อความ + ภาพ + วิดีโอ + เสียง

  • ทำ reasoning ขั้นสูง เช่น แก้โจทย์คณิต วิเคราะห์กราฟ

  • ใช้ได้กับหลายแอป เช่น Google Workspace, Android, Search

  • รุ่น Gemini 1.5 มี “long-context window” รับข้อมูลยาวถึง 1 ล้าน tokens

Gemini ถูกใช้งานใน:

  • Gemini App (เดิม Bard)

  • Google Cloud Vertex AI

  • Android และ Chromebook (ฝังไว้ในระบบ)


🔹 งานวิจัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Google ยังคงเป็นผู้นำด้านงานวิจัย AI ระดับโลก เช่น:

  • Scalable Training: สร้างโมเดลที่ใหญ่ขึ้นแต่ใช้พลังน้อยลง

  • Multimodal AI Agents ที่เข้าใจโลกในหลายมิติ

  • AI Safety & Alignment – เน้นความปลอดภัยและควบคุมการตอบ

  • RLHF (Reinforcement Learning from Human Feedback) – สอนโมเดลจากมนุษย์

  • พัฒนาโมเดลที่รองรับภาษาในแต่ละท้องถิ่น เช่น ภาษาไทย ญี่ปุ่น ฮินดี ฯลฯ

Google ยังเปิดเผยงานวิจัยผ่าน Google AI Blog และเอกสารวิชาการอย่างต่อเนื่อง


🔹 จุดเด่นของ LLM จาก Google

  1. Multimodal เต็มรูปแบบ – เข้าใจทั้งข้อความ โค้ด รูป วิดีโอ

  2. มีความแม่นยำสูง และเชื่อมโยงกับบริการ Google ได้ดี

  3. รองรับหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาในเอเชีย

  4. ประมวลผลเร็วมาก บนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud

  5. พัฒนาโดยทีม DeepMind + Google Research ซึ่งเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลก AI


🔚 สรุป

 

Google ไม่เพียงเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี LLM แต่ยังเป็นผู้นำที่ผลักดันขอบเขตของ AI ไปข้างหน้าผ่านโมเดลอย่าง Gemini ที่เข้าใจข้อมูลหลายประเภท และทำงานร่วมกับบริการของ Google ได้ลึกซึ้งกว่าคู่แข่งหลายราย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เน้น AI เชิงกลยุทธ์ และต้องการผสานการทำงานกับระบบ Google Cloud หรือ Android

----------------

แหล่งข้อมูล:

 

GKO
Official Verified Account

What's your reaction?

Comments

https://wisdomzero.com/assets/images/user-avatar-s.jpg

0 comment

Write the first comment for this!

Facebook Conversations

Disqus Conversations